ประเภทของสารสนเทศ
การจำแนกประเภทสารสนเทศที่สถาบันบริการสารสนเทศจัดหาเข้าไว้ในสถาบันและจัดเก็บเพื่อให้บริการมีวิธีจำแนกได้หลายแบบที่เป็นที่นิยม คือ การจำแนกประเภท ตามแหล่งสารสนเทศและตามประเภทของสื่อบันทึกสารสนเทศ (มาลี ล้ำสกุล. 2551 : 8-10)
1. สารสนเทศจำแนกตามแหล่งสารสนเทศ หมายถึง การจำแนกสารสนเทศตามการรวบรวมหรือจัดทำสารสนเทศ ซึ่งจำแนกได้ดังนี้
1.1 สารสนเทศจากแหล่งปฐมภูมิ (Primary Source) หมายถึง สารสนเทศที่ได้จากต้นแหล่งโดยตรง เป็นสารสนเทศทางวิชาการที่เกี่ยวกับความริเริ่ม ซึ่งผลิตออกมาในลักษณะการเผยแพร่ผลการศึกษา ค้นคว้า วิจัย การค้นพบทฤษฎีใหม่ให้นักศึกษา นักวิชาการ และนักวิจัยในวิชาชีพร่วมสาขาได้ศึกษา วิพากษ์วิจารณ์ และอาจใช้เป็นแนวทางเพื่อการศึกษาค้นคว้าและ ทำวิจัยต่อไป
สารสนเทศจากแหล่งปฐมภูมิ ซึ่งเผยแพร่ในลักษณะของสิ่งพิมพ์ ได้แก่ วารสาร รายงานการวิจัย รายงานการประชุมและสัมมนาทางวิชาการ สิทธิบัตร เอกสารมาตรฐานต่าง ๆ ต้นฉบับตัวเขียน จดหมายเหตุและวิทยานิพนธ์ และที่เผยแพร่ทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น วารสารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
1.2 สารสนเทศจากแหล่งทุติยภูมิ (Secondary Source) เป็นสารสนเทศที่รวบรวมและเรียบเรียงขึ้นใหม่จากสารสนเทศที่มีการเผยแพร่แล้ว หรือหมายถึง จากสารสนเทศปฐมภูมิ ลักษณะการรวบรวมและเรียบเรียง อาจจัดทำโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง เช่น รวบรวม สรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ ทำดรรชนีและสาระสังเขป ทั้งนี้มีลักษณะการเรียบเรียงเพื่อให้ใช้ข้อมูลได้สะดวก รวดเร็ว เข้าใจได้ง่ายขึ้น ได้แก่ สื่ออ้างอิงประเภทต่าง ๆ วารสารที่มีการสรุปย่อและตีความ รวมทั้งหนังสือตำราที่จัดทำโดยรวบรวมเนื้อหาวิชาการสาขาต่าง ๆ เพื่อการเรียนการสอน
1.3 สารสนเทศจากแหล่งตติยภูมิ (Tertiary Source) เป็นสารสนเทศที่จัดทำในลักษณะรวบรวมขึ้น เพื่อใช้ค้นหาสารสนเทศปฐมภูมิและทุติยภูมิ สารสนเทศจากแหล่งตติยภูมิไม่ให้เนื้อหาสาระเกี่ยวกับความรู้สาขาวิชาการต่าง ๆ โดยตรง แต่สามารถใช้ประโยชน์ในการค้นหาสารสนเทศที่ให้ความรู้เฉพาะสาขาวิชาได้ สารสนเทศประเภทนี้ ได้แก่ บรรณานุกรม นามานุกรม หนังสือแนะนำวรรณกรรมเฉพาะสาขาวิชา และบรรณนิทัศน์
สารสนเทศประเภทแหล่งตติยภูมิ มีลักษณะการจัดทำที่คล้ายกับสารสนเทศทุติยภูมิ ดังนั้น ในตำราบางเล่มจึงจัดสารสนเทศตติยภูมิรวมไว้เป็นประเภททุติยภูมิ และสารสนเทศทั้งสองแบบนี้ ปัจจุบันมีการจัดทำบันทึกข้อมูลไว้ในสื่อคอมพิวเตอร์ออกเผยแพร่อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะสารานุกรม พจนานุกรม นามานุกรม บรรณานุกรม ดรรชนีวารสารและสาระสังเขป ซึ่งจัดเก็บข้อมูลไว้ในซีดี-รอมและฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ให้บริการทางออนไลน์
แผนภูมิที่ 1.2 ประเภทของสารสนเทศ
2. สารสนเทศจำแนกตามสื่อที่จัดเก็บ การจำแนกสารสนเทศตามสื่อที่จัดเก็บ หรือ สื่อที่ใช้บันทึกความรู้เป็นการจำแนกตามพัฒนาการของวัตถุที่มนุษย์คิดประดิษฐ์ขึ้น เพื่อใช้เขียนหรือบันทึกความรู้ ได้แก่
2.1 กระดาษ เป็นสื่อบันทึกข้อมูลสารสนเทศที่ใช้ได้ง่าย และมนุษย์ได้ใช้บันทึกความรู้ ประสบการณ์ จนกระทั่งเป็นความคุ้นเคยของมนุษย์ในการขีดเขียน การพิมพ์เรื่องราวต่าง ๆ ความรู้เพื่อเผยแพร่ในสังคม สิ่งพิมพ์ในลักษณะกระดาษได้แก่ วารสาร หนังสือ เอกสารต่าง ๆ แบบฟอร์มที่ใช้กันในสำนักงาน
2.2 วัสดุย่อส่วน หรือไมโครฟอร์ม (Microform) คือ สื่อบันทึกสารสนเทศ ที่เป็นแผ่นฟิล์มถ่ายรูป เอกสารย่อส่วนในขนาดต่าง ๆ ลงบนฟิล์ม ประเภทฟิล์มม้วนเรียกว่า ไมโครฟิล์ม (Microfilm) และฟิล์มแผ่นเรียกว่า ไมโครฟิช (Microfiche) การถ่ายรูปเนื้อหาเอกสารบนฟิล์มจะเรียงตามลำดับเนื้อหาตามต้นฉบับ วัสดุย่อส่วนใช้จัดเก็บสำเนาต้นฉบับ ทั้งที่เป็นวารสาร เอกสารจดหมายเหตุ เอกสารสำคัญ วิทยานิพนธ์ เป็นต้น
2.3 สื่อแม่เหล็ก เป็นวัสดุสารสังเคราะห์ที่เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก สามารถใช้บันทึกและแก้ไขปรับปรุงข้อมูลได้อย่างสะดวก การใช้สื่อแม่เหล็กเป็นที่นิยมใช้อย่างกว้างขวางและจัดเก็บข้อมูล ทั้งที่เป็นอะนาล็อก (Analog) และดิจิทัล (Digital) สื่อแม่เหล็กที่จัดเก็บข้อมูล อะนาล็อก เช่น วีดิทัศน์ และเทปบันทึกเสียง ซึ่งจัดเก็บข้อมูลทั้งภาพและเสียง สื่อแม่เหล็กที่จัดเก็บข้อมูลดิจิทัล เช่น เทปแม่เหล็ก ฮาร์ดดิสก์ (Harddisk) และดิสเก็ต (Diskette) ในปัจจุบันสื่อเหล่านี้ได้รับการพัฒนาให้บรรจุข้อมูลได้ปริมาณมากและปรับแก้ไขข้อมูลได้สะดวก
2.4 สื่อแสงหรือออปติก (Optical Media) เป็นสื่อที่บันทึกข้อมูล และอ่านข้อมูลโดยใช้แสงเลเซอร์ ข้อมูลที่บันทึกลงสื่อแสงเป็นข้อมูลดิจิทัล สื่อแสงแบ่งประเภทเป็นสื่อที่อ่านได้เพียงอย่างเดียว เช่น ซีดี-รอม (Computer Disk-Read Only Memory) และดีวีดี (Digital Versatile Disk = DVD) มีความจุมากกว่านิยมใช้บันทึกภาพยนตร์
การใช้สารสนเทศ
เพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ จึงจำเป็นต้องรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับสารสนเทศนั้น สิ่งที่ควรรู้ ได้แก่ (สุวรรณ อภัยวงศ์ และคนอื่น ๆ. 2552 : 7)
1. แหล่งที่อยู่ของสารสนเทศ การที่เราต้องการรู้สารสนเทศอย่างหนึ่ง เราควรรู้ว่าสารสนเทศนั้นมีอยู่ที่ใด หรือน่าจะมีอยู่ที่ใด เช่น ถ้าอยากรู้เรื่องของการเกษตรที่ยั่งยืนแหล่งของสารสนเทศในกรณีนี้ ได้แก่ เว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ ข่าวทางโทรทัศน์ วิทยุ และแหล่งสารสนเทศบุคคล เป็นต้น
2. วิธีเข้าถึงแหล่งสารสนเทศ แหล่งสารสนเทศแต่ละแห่งย่อมมีข้อจำกัดในการเปิดโอกาสให้บุคคลเข้าไปใช้ เช่น กำหนดประเภทและขอบเขตของผู้ใช้ มีกำหนดวันเวลาบริการ เป็นต้น เราจึงควรรู้รายละเอียดเหล่านี้ก่อน เพื่อป้องกันอุปสรรคและความไม่สะดวกที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนขอบข่ายเนื้อหาสาระของสารสนเทศนั้นคือต้องรู้ว่าสารสนเทศที่มีอยู่นั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ให้รายละเอียดในลักษณะใด เช่น ค้นได้เฉพาะบทคัดย่อ (Abstract) หรือฉบับเต็ม (Full Text)
3. วิธีค้นหาและ/หรือค้นคืน (Retrieval) ผู้ใช้จะต้องรู้วิธีการจัดเก็บสารสนเทศของแหล่งสารสนเทศที่จะเข้าใช้ เช่น รู้วิธีใช้ OPAC รู้วิธีค้นจากอินเทอร์เน็ต รู้วิธีการเรียง เลขเรียกหนังสือ รู้วิธีการใช้ดรรชนี รู้วิธีค้นหาเรื่องราวจากหนังสือ วารสาร ฐานข้อมูล เป็นต้น (รายละเอียดในบทที่ 5)
หลักการคัดเลือกสารสนเทศ
การคัดเลือกพิจารณาข้อมูลมีหลักการดังนี้ (วาณี ฐาปนวงศ์ศานติ. 2534 : 11)
1. พิจารณาข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่ต้องการใช้
2. พิจารณาข้อมูลปฐมภูมิก่อน ถ้าข้อมูลไม่เพียงพอจึงใช้ข้อมูลทุติยภูมิ
3. ถ้าเป็นข้อเท็จจริง ต้องเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด เช่น ข้อมูลทางสถิติตัวเลข
4. เป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ พิจารณาจากส่วนประกอบของข้อมูล หลักฐาน การอ้างอิงและการใช้ภาษา
5. ควรพิจารณาใช้ข้อมูลที่เปิดเผยได้ สามารถนำมาใช้ได้อย่างสะดวก โดยไม่มีข้อจำกัด
6. ถ้ามีข้อมูลที่ใกล้เคียงกันให้เปรียบเทียบพิจารณาถึงความแตกต่าง เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อเรื่องที่จัดทำ
7. ใช้วิจารณญาณเลือกข้อมูลที่ไม่มีการลำเอียง ด้วยเหตุผลทางการเมืองหรือขนบประเพณี การคัดเลือกข้อมูลเป็นการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศเบื้องต้นด้วยกระบวนการวิเคราะห์และตัดสินใจ ใช้ข้อมูลที่มีคุณภาพโดยวิเคราะห์ลักษณะและประโยชน์จากส่วนประกอบของข้อมูลสารสนเทศแต่ละประเภท ความน่าเชื่อถือ นอกจากนั้นยังมีการพิจารณาสารสนเทศที่มีดังแผนภูมิที่ 1.3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น